“เอริก คันโตน่า” กวีแห่งโลกฟุตบอล

เอริก คันโตน่า ประสบความสำเร็จอย่างมากกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุค 90 โดยเขาถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันดึงตัวมาร่วมทีมจนสามารถพาทีมปีศาจแดงกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากที่แฟนบอลต้องรอคอยมาถึง 26 ปี ก่อนจะต่อยอดจนกลายเป็นทีมอันดับหนึ่งของอังกฤษตลอดในเวลาต่อมา แม้จะไม่ใช่กองหน้าที่ผลิตสกอร์ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่คันโตน่าก็สามารถครองใจแฟนบอลด้วยมีลีลาการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ มีลูกยิงที่แสนมหัศจรรย์หลายต่อหลายลูก รวมไปถึงท่าดีใจในการฉลองประตูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลกพร้อมใจยกสมญานามให้เขาว่า “ศิลปินลูกหนัง” นอกจากคันโตน่าจะวาดลวดลายในสนามประดุจจิตรกรเอกแล้ว ไลฟ์สไตล์นอกสนามของเขายังเต็มไปด้วยความเป็นศิลปิน ทั้งการแต่งตัว

“มูสซ่า เด็มเบเล่” ศูนย์หน้าที่แฟนบอลต้องการเพื่อกอบกู้ปีศาจแดง

หลังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดฉากฤดูกาล 2019-20 ไปได้ 8 นัด อดีตมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 12 บนตารางคะแนน ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 3 และแพ้ 3 สะสมได้เพียง 9 แต้ม

“คริสเตียโน่ โรนัลโด้” นักเตะคนล่าสุดที่ผลิตสกอร์ได้ถึง 700 ประตู

แม้ไม่อาจช่วยให้ทีมชาติโปรตุเกสรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อทีมชาติยูเครน ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก กลุ่มบี แต่ลูกจุดโทษที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ทำได้ในเกมนี้ ก็ส่งให้เขากลายเป็นนักเตะที่ทำประตูได้ถึง 700 ประตูตลอดเส้นทางอาชีพค้าแข้ง โดยประตูทั้งหมดที่เขาทำได้แบ่งเป็นการลงเล่นให้กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน 5 ประตู, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 118 ประตู, เรอัล มาดริด

“แฮร์รี่ แม็กไกวร์” ปราการหลังค่าตัวสถิติโลกผู้ยกระดับแนวรับปีศาจแดง

“ผมมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า ในช่วงเวลา 5-6 ปีนี้ ผมจะต้องประสบความสำเร็จ และมีช่วงเวลาที่ดีมากมายกับสโมสรแห่งนี้” นี่คือถ้อยคำให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนล่าสุดของแฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตที่ดีของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันสภาพทีมโดยรวมของทีมปีศาจแดงกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติก็ตาม แม็กไกวร์ ย้ายข้ามฝากจากเลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมชายคาโรงละครแห่งความฝันด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ จนกลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน แม้จะลงประเดิมสนามให้ต้นสังกัดใหม่ด้วยฟอร์มสวยหรูช่วยให้ปีศาจแดงเปิดบ้านเอาชนะเชลซีไปได้ด้วยสกอร์ 4-0