Jai Alai กีฬาเร็วสูงสุดในโลกที่ต้องดิ้นรนหนีการล้มหายตายจาก

การล่าอาณานิคมของกองเรือชาติตะวันตก ไม่เพียงทีมมรดกทางวัฒนธรรมไว้ แต่มรดกในเกมกีฬาและการละเล่นก็ถูกทิ้งไว้เช่นกัน

การล่าอาณานิคมของกองเรือชาติตะวันตก ไม่เพียงทีมมรดกทางวัฒนธรรมไว้ แต่มรดกในเกมกีฬาและการละเล่นก็ถูกทิ้งไว้เช่นกัน

ประเทศฟิลิปปินส์ในยุคที่ตกเป็นอาณานิคมของสเปน พวกเขาได้รับกีฬาชนิดหนึ่งเข้ามาสู่วัฒนธรรม มันเป็นเกมที่ถูกคิดค้นขึ้นในแคว้นบาสต์ของสเปนตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 14 และถูกนำมากับเรือล่าอาณานิคม เช่นเดียวกับที่มันไปเป็นที่นิยมในลาตินอเมริกาโดยนักล่าอาณานิคมสเปน

การแข่งขัน Jai Alai จะใช้อุปกรณ์ชื่อ xistera ที่ทำจากเครื่องสานคล้ายอุ้งมือโค้งยาว ๆ เหวี่ยงลูกบอลที่เรียกว่า pelota ให้พุ่งกระทบกำแพงหรือผนังด้วยความแรง ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามเก็บลูกบอลไว้ให้ได้ก่อนที่มันจะกระดอนพื้นสองครั้ง ซึ่งหลักการเล่นดูคล้ายการเล่นสควอช แต่ที่มันน่าสนใจคือความเร็วของลูกบอลหนักระหว่าง 125-140 กรัมที่พุ่งออกไปด้วยการเหวี่ยงของผู้เล่นที่แข็งแรงสามารถทำความเร็วได้ถึง 328 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถูกบันทึกเป็นสถิติความเร็วสูงสุดไว้ในปี 2007 ด้วยความเร็วที่ว่าทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่อันตรายต่อผู้เล่นมาก เพราะลูกบอลที่หุ้มด้วยหนังแพะนี้เคยกระทบศีรษะผู้เล่นรายหนึ่งจนเสียชีวิตหลังมีอาการโคม่านาน 6 เดือน

อุตสาหกรรมกีฬา Jai Alai บนเกาะฟิลิปปินส์เฟื่องฟูมากจนจัดการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง พวกเขามีสนามแข่งขัน jai Alai เป็นตึกสไตล์อาร์ต เด็คโค่ที่สวยงามที่สุดในเอเชีย น่าเสียดายที่มันถูกรัฐบาลฟิลิปปินส์สั่งปิดตายในปี 2000 หลังการสั่งห้ามเล่นกีฬาชนิดนี้ในปี 1986 เพราะตอนนั้นฟิลิปปินส์เผชิญปัญหาล็อกผลการแข่งขันกีฬาชนิดนี้อย่างหนัก กว่าที่ jai Alai จะได้กลับมาเล่นในฟิลิปปินส์อีกครั้งก็ต้องรอถึงปี 2010 แต่ใช่ว่าทุกเมืองจะยินยอมให้มีการเล่น เพราะความที่มันใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมพนันมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้เลย

น่าเสียดายที่ Jai Alai ในฟิลิปปินส์กลายเป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยมเหมือนเก่า เช่นเดียวกับการเล่นกีฬาชนิดนี้ทั่วโลก สนามแข่งขันที่เคยมีผู้ชมแน่นทั้งในฟิลิปปินส์ คิวบา เม็กซิโก และอเมริกาตามเข้าสู่ความเงียบเหงา เว้นการแข่งขันในสเปน ประเทศต้นตำรับเท่านั้นที่ยังได้รับความนิยมอยู่

การขาดช่วงของความนิยมอันเป็นผลจากการแบนห้ามเล่นกีฬาชนิดนี้ในฟิลิปปินส์ ทำให้มีนักกีฬา Jai Alai นับคนได้ เมื่อเกมกลับมาจากการโดนแบนพวกเขาก็ขาดนักกีฬาที่พอจะเป็นแม่เหล็กดูดความสนใจได้ นักกีฬาที่พอมีชื่อเสียงหลายคนเลือกไปเสี่ยงโชคกับอีกอาชีพที่ยังพอมีแข่งขันอยู่อย่างเช่นอเมริกา เม็กซิโกหรือรายการเล็ก ๆ ในสเปนเพื่อแสวงหาโชคใหม่ ๆ พร้อมความหวังว่าวันหนึ่งกีฬาชนิดนี้จะกลับมาบูมในประเทศบ้านเกิดอีกครั้ง

วัฏจักรของสิ่งที่เกิดขึ้นและล้มหายตายจากเป็นเรื่องปกติของโลก ถ้า Jai Alai เป็นกีฬาที่มีคุณค่าในตัวมันเอง และอยู่ในช่วงเวลาที่ถูกต้องก็ย่อมสามารถกลับมากลายเป็นที่นิยมได้อีกครั้ง แต่วงการ Jai Alai คงต้องเดินหมากให้ดีเพื่อเรียกความนิยมและความศรัทธากลับคืนมา