“เอริก คันโตน่า” กวีแห่งโลกฟุตบอล

เอริก คันโตน่า ประสบความสำเร็จอย่างมากกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุค 90 โดยเขาถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันดึงตัวมาร่วมทีมจนสามารถพาทีมปีศาจแดงกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากที่แฟนบอลต้องรอคอยมาถึง 26 ปี ก่อนจะต่อยอดจนกลายเป็นทีมอันดับหนึ่งของอังกฤษตลอดในเวลาต่อมา แม้จะไม่ใช่กองหน้าที่ผลิตสกอร์ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่คันโตน่าก็สามารถครองใจแฟนบอลด้วยมีลีลาการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ มีลูกยิงที่แสนมหัศจรรย์หลายต่อหลายลูก รวมไปถึงท่าดีใจในการฉลองประตูอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลกพร้อมใจยกสมญานามให้เขาว่า “ศิลปินลูกหนัง”

นอกจากคันโตน่าจะวาดลวดลายในสนามประดุจจิตรกรเอกแล้ว ไลฟ์สไตล์นอกสนามของเขายังเต็มไปด้วยความเป็นศิลปิน ทั้งการแต่งตัว ทัศนคติ และความหลงใหลในการแสดง ถึงขนาดเคยรับบทเป็นนักแสดงในภาพยนตร์มาแล้วระหว่างที่ยังค้าแข้งอยู่กับทีมปีศาจแดง ไม่เพียงเท่านั้นการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายครั้งยังเต็มตัวด้วยสำนวนระดับกวี โดยถ้อยคำที่มีชื่อเสียงที่สุดคงหนีไม่พ้นการให้สัมภาษณ์หลังจากกรณีที่ศูนย์หน้าปีศาจแดงกระโดดกังฟูคิกใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซที่พูดจาต่อว่าถึงกรณีใบแดงของเขาในเกมนั้น คันโตน่ากล่าวเพียงไม่กี่คำว่า “ที่นกนางนวลบินตามเรือประมงไปก็เพราะพวกมันคิดว่าปลาซาร์ดีนจะถูกโยนลงมาในทะเล” ก่อนจะกล่าวขอบคุณและลุกออกจากห้องสัมภาษณ์ไป

ครั้งหนึ่งเขาเคยให้เหตุผลในการแขวนสตั๊ดอย่างกะทันหันหลังจากเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียง 5 ฤดูกาลว่า “ผมหยุดเล่นฟุตบอลเพราะผมประสบความสำเร็จมากเท่าที่ผมคิดแล้ว ผมต้องการบางสิ่งที่สามารถสร้างความท้าทายให้ผมได้เท่ากับการเล่นฟุตบอล” แม้จะแขวนสตั๊ดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ถึงอดีตต้นสังกัด คันโตน่าก็มักจะพูดถึงเรื่องที่ดีเสมอ “บ้านของผมไม่ใช่ฝรั่งเศส ผมอาจจะเกิดที่นั้น แต่ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนบ้านคืออังกฤษ”

จนกระทั่งล่าสุด คันโตน่าถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลเพรสซิเดนท์ อวอร์ด ที่มอบโดยฟีฟ่า หลังรับรางวัลเขาได้กล่าวบนเวทีว่า “สำหรับเหล่าทวยเทพ มนุษย์เราก็ไม่ต่างจากแมลงวัน พวกเขาสามารถฆ่าเราได้เพื่อความบันเทิง อีกไม่นานวิทยาศาสตร์จะไม่เพียงแค่รู้ไปถึงระดับย่อยสุดของเซลล์มนุษย์ แต่จะช่วยให้คงสภาพอยู่ด้วย จะมีเพียงอุบัติเหตุ อาชญากรรม และสงครามที่ยังคงจะพรากชีวิตไปจากเรา น่าเศร้าที่อาชญากรรมและสงครามมีแต่จะยิ่งทวีคูณขึ้นทุกวัน, ผมรักฟุตบอล” สุนทรพจน์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เข้าร่วมทั้งงาน ไม่ต่างจากเมื่อครั้งการพูดถึงนกนางนวลสมัยที่ยังเป็นนักเตะ แม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่ คันโตน่า ก็คือ คันโตน่า เหมือนที่เขาเคยพูดไว้ว่า “ผมไม่ใช่แค่คนคนหนึ่ง ผมคือคันโตน่า”