Posted by ประเทศภูฏาน เป็นประเทศเล็ก ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างพื้นที่ประเทศจีนกับประเทศอินเดีย ลักษณะภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาเป็นจำนวนมาก ทั้งเทือกเขาสูงตอนเหนือ ที่ลาดเชิงเขาตอนกลางของประเทศ พื้นที่ราบซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งร้อนชื้น มีฝนตกชุก ตอนเหนือมีอากาศหนาวเย็นแบบเทือกเขา สำหรับวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับกีฬายิงธนู กีฬาประชาติของประเทศภูฏานกัน
ประวัติความเป็นมาของกีฬาประจำชาติภูฏาน
กีฬายิงธนูเป็นกีฬาที่ได้รับการประกาศให้เป็นกีฬาประจำชาติของประเทศภูฏานตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 ซึ่งเมื่อกีฬาประเภทนี้ได้รับการประกาศให้เป็นกีฬาประจำชาติ ก็ทำให้กีฬายิงธนูเป็นที่รู้จักและนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลภูฏาน ทั้งการส่งทีมนักยิงธนูเข้าร่วมแข่งกีฬาโอลิมปิก รวมถึงมีการเข้าร่วมแข่งขันกีฬายิงธนูทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันกีฬายิงธนูในภูฏานนิยมแข่งกันในช่วงวัดหยุดนักขัตฤกษ์ทางศาสนา ในงานเทศกาลท้องถิ่น ซึ่งนอกจากจะเป็นกีฬาพื้นเมืองแล้ว กีฬายิงธนูยังถือเป็นจุดเด่นและไฮไลท์ที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวในภูฏานอีกด้วย เนื่องจากถือเป็นศิลปวัฒนธรรมทางด้านการกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่ทั้งสนุกและเป็นการออกกำลังกาย ฝึกสติปัญญา อีกทั้งยังสามารถใช้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
การแข่งขันยิงธนูในประเทศภูฏาน
การแข่งขันยิงธนูในประเทศภูฏาน นับว่าเป็นกีฬาพื้นเมืองที่จัดการแข่งขันกันขึ้นในทุกหมู่บ้าน โดยสนามทิมพูถือเป็นสนามยิงธนูที่มีใหญ่ มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศภูฏาน เนื่องจากใช้เป็นสนามแข่งขันยิงธนูแห่งชาติ รวมถึงใช้ในการแข่งขันยิงธนูในงานเทศกาลต่าง ๆ รวมถึงเทศกาลปีใหม่ สำหรับการแข่งขันยิงธนูจะเป็นการแข่งกันยิงเข้าเป้า ซึ่งห่างจากจุดยิงเป็นระยะ 175 เมตร โดยคันธนูและลูกศรแบบดั้งเดิมที่ใช้ในการยิงของชาวภูฏานนั้นทำจากไม้ไผ่ ที่ปลายด้านของลูกศรทำมาจากขนนก ปลายลูกศรใช้โลหะทาสี ส่วนลำของลูกศรใช้ขนสัตว์หรือผ้าห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง
สำหรับใครที่สนใจไปเยือนและเยี่ยมชมศิลปวัฒนธรรม รวมถึงกีฬาประจำชาติของประเทศภูฏานสามารถเดินทางไปเที่ยวชมภูมิประเทศ และการแข่งขันยิงธนูซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติของภูฏานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลอย่างในวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นตามปฏิทินทางจันทรคติในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะต้องตรวจสอบวัน เวลาให้แน่ชัดอีกครั้งก่อนวางแผนการเดินทาง