ทำความรู้จัก 3 นักกีฬาทีมชาติไทยผู้ได้สิทธิ์ชิงเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นรายการแข่งขันที่นักกีฬาจากทั่วทุกมุมโลกต้องการมีส่วนร่วม ซึ่งใช่ว่านักกีฬาทุกคนจะสมหวังดังตั้งใจ เพราะแต่ละประเภทกีฬามีการคัดเลือกในการเฟ้นหาตัวแทนนักกีฬาอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้นักกีฬาที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในจำนวนที่จำกัด โดยหลายสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยได้ร่วมส่งนักกีฬาทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย และขณะนี้มีนักกีฬาทีมชาติไทยถึง 3 คนที่ผ่านรอบคัดเลือก ได้สิทธิเข้าร่วมการชิงชัยในศึกโอลิมปิก 2020 ซึ่งนักกีฬาทีมชาติไทยทั้ง 3 คนประกอบไปด้วย

1. เศวต เศรษฐาภรณ์ : นักกีฬายิงเป้าบิน

นักแม่นปืนวัย 56 ปี ได้ตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์จากการคว้าตำแหน่งรองแชมป์โลก ในการแข่งขันยิงเป้าบินชิงแชมป์โลก 2019 ที่เมืองอัลไอน์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีนักกีฬายิงเป้าบินเข้าร่วมการแข่งขันถึง นับเป็นนักกีฬายิงเป้าบินคนแรกของไทยที่สามารถผ่านรอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จ

เศวตเริ่มเล่นกีฬายิงเป้าบินตอนอายุ 41 ปี หลังจากหันหลังในกับอาชีพนักบินมาประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยใช้เวลาการฝึกซ้อมในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ แม้จะเริ่มต้นช้ากว่านักกีฬาคนอื่น แต่ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจในฝึกซ้อมอย่างหนักตลอดระยะเวลา 15 ปี และเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติอยู่เสมอ ถึงจะไม่เคยได้รับเหรียญรางวัลใด ๆ มาก่อนก็ไม่เคยถอดใจ จนในที่สุดก็สามารถทำความฝันของเขาในฐานะนักกีฬาให้เป็นความจริง

2. กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม : นักกีฬาเรือใบ

นักแล่นเรือใบสาววัย 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขันเรือใบเลเซอร์ เรเดียล วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2019 ที่เมืองซาไกมินาโตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นรายการแข่งขันเรือใบชิงแชมป์โลกและคัดเลือกนักกีฬาเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์ไปพร้อม ๆ กัน โดยทำผลงานได้อันดับที่ 52 ซึ่งแม้จะไม่ถึงอันดับที่ได้ไปโอลิมปิก แต่เนื่องจากนักกีฬา 2 คนที่ทำอันดับเหนือกว่าได้ผ่านเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว ทำให้โควตานั้นถูกส่งต่อมาให้กมลวรรณในที่สุด

กมลวรรณเคยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล ในสมัยที่ยังเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา แม้ครั้งนั้นจะไม่สามารถทำผลงานติดอันดับท็อปเท็นได้ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อันดีที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เธอมุ่งมั่นในการแข่งขันครั้งนี้

3. พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ : นักกีฬาเทควันโด

นักเทควันโดสาววัย 22 ปี ได้สิทธิเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์แน่นอนแล้วจากการเป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลกในรุ่นน้ำหนักตัวไม่เกิน 49 กิโลกรัม โดยล่าสุดเพิ่งคว้าแชมป์เทควันโดโลก รุ่นดังกล่าวมาครองได้สำเร็จ จากการแข่งขันเวิลด์ เทควันโด แชมเปี้ยนชิพ 2019 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แถมยังสามารถเอาชนะหวู จิง หยู นักเทควันโดสาวชาวจีนเจ้าของดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยไปอย่างขาดลอย

เจ้าของชื่อเล่นว่าเทนนิส คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, กีฬามหาวิทยาลัยโลก และโอลิมปิกเยาวชน แต่สำหรับโอลิมปิกเกมส์แล้ว นักเตะสาวทีมชาติไทยคว้าได้เพียงเหรียญทองแดงจากริโอเกมส์ 2016 ทำให้เธอมีความมุ่งมั่นอย่างมากในการแข่งขันครั้งนี้ ถึงขนาดออกปากเองว่าจะเลิกเล่นทันทีที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิก เพราะสามารถคว้าแชมป์ได้ครบทุกรายการตามที่ตั้งใจแล้ว

และสำหรับโอลิมปิกเกมส์นั้นเป็นโอกาสทองของเหล่าคอพนันทั้งหลาย ที่ชื่นชอบการชมกีฬาแบบมีเงินติดปลายนวมไว้เป็นค่าขนมสนุก ๆ เพราะมีกีฬาให้เลือกลงเดิมพันหลากหลายประเภท แถมยังมีการแข่งขันให้ชมกันทุกวันตลอดหลายสัปดาห์ เรียกว่าถ้าวางแผนดี ๆ รับทรัพย์กันก้อนโตแน่นอน

ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีนักกีฬาทีมชาติไทยคนคว้าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จอีกหรือไม่ และนักกีฬาคนใดจะสร้างชื่อคว้าเหรียญรางวัลให้กับประเทศไทยได้อย่างตั้งใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่านักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนจะได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันครั้งนี้หรือไม่ แต่พวกเขาก็คือตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศในการแสดงให้ชาวต่างชาติเห็นว่าคนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก